วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ขนมครก ไทยโบราณ

ผู้ทำขนมครกนี้มีชื่ิิอว่า คุณละมาย แซ่จึง หรือเรียกว่า ยายแหม๋ว ซึ่งมีอายุ 67 ปีแล้ว ขนมครกนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ยายแหม๋วทำ ยังมีขนมอื่นอีกมากมายที่ยายแหม๋วนั้นทำได้
ได้ เช่น ขนมบัวลอย ลอดช่อง ข้าวเหนียวหน้าสังขยา/ปลาแห้ง ข้าวเหนียวเปียก กล้วยบวชชี ขนมชั้น
เต้าส่วน ฯลฯ ปัจจุบันอยู่อาศัยและค้าขาย ทีบ้านในตลาดท่าโบสถ์ ต.สามง่ามท่าโบสถ์ อ.หันคา จ.ชัยนาท
ขายทุกเช้าถึงเที่ยงของทุกวัน ผู้สนใจสามารถมาซื้อรับประทานได้ รับรองว่าไม่ผิดหวัง เพราะเขาทำเป็นมืออาชีพมากว่า 40 ปี แล้ว
ถ้าใครผ่านมาก็แวะมาซื้อได้โดยถ้ามาจากตลาดอำเภอหันคาพอมาถึงสี่แยกไฟแดงให้ตรงไปจะผ่านการไฟฟ้าอ.หันคา หลังจากนั้นก็จะเจอสามแยกจะมีป้ายเขียนว่าบ้านท่าโบสถ์ ให้ใช้ถนนเส้นดังกล่าวพอสุดทาง ข้ามสะพาน 2 สะพาน แล้ว เลี้ยวซ้าย ข้ามสะพานอีกครั้งตรงมาแล้วเี้ลี้้ยวเข้าถนนข้างวัดท่าโบสถ์กับโรงเรียนวัดท่าโบสถ์ และเลี้ยวเข้าตลาดท่าโบสถ์ก็จะเจอคุณยายแหม๋วนั่งขายขนมครกอยู่ (มาแล้วไม่ผิดหวังขอบอกว่า อร่อยมากๆ)

สูตรนี้สามารถนำไปทำได้นะ

ที่มา

ข้าวสารที่จะใช้สำหรับทำขนมครกนั้น ควรใช้ข้าวสารเก่า เพราะถ้าใช้ข้าวใหม่ จะเหนียวติดฟัน และเวลาแคะออกจากเตาก็ไม่ค่อยจะล่อนด้วย ส่วนเรื่องที่เช็ดหลุมขนมครกคุณถามมา เขาจะใช้เศษผ้าฝ้ายหรือผ้าขาวบางมาห่อรวมกันหลาย ๆชั้น ทำเหมือนเวลาเราทำลูกประคบนั่นแหละคะ แล้วเอาไปแช่น้ำมันเอาไว้ พอให้น้ำมันซึมทั่วเนื้อผ้า ก็เป็นอันใช้ได้ หรืออาจจะใช้ผ้านำห่อกากมะพร้าวแล้วนำไปชุบน้ำมันนิดหน่อยก็ได้คะ

สมัยก่อนโน้นเขาจะใช้เตาขนมครกที่ทำจากดินเผา แต่ถ้าซื้อปุ๊บนำมาใช้ปั๊บ ขนมจะติดเตา ไม่ล่อน วิธีแก้ไขของคนโบราณ คือ ก่อนที่จะนำกระทะนี้มาใช้ เขาจะเอากากมะพร้าวสุมให้เต็มหลุมแล้วนำไปตั้งไฟให้น้ำมันจากกากมะพร้าวเคลือบทั่วกระทะขนมครก (ทิ้งไว้ให้กากมะพร้าวไหม้คาหลุมเลย) วิธีนี้จะทำให้ขนมไม่ติดเตาคะ

เครื่องปรุง

ส่วนผสมตัวแป้ง
ข้าวสารเก่า 1 ลิตร ( = 4 ถ้วย 4 ช้อนโต๊ะ กับอีก 1 ช้อนชา)
ข้าวสุก 1 + 1/ 2 ถ้วย
มะพร้าวขูดขาว 500 กรัม
เกลือป่น 1 ช้อนชา

ส่วนผสมกะทิสำหรับหยอดหน้า
หัวกะทิ 4 + 1/ 2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 + 1/ 2 ถ้วย
เกลือป่น 1 - 2 ช้อนชา

วิธีทำขนมครกแบบต่างๆ

วิธีทำ
เริ่มจากทำตัวแป้งก่อน โดยเอาข้าวสารซาวให้สะอาด ผสมกับข้าวสุก มะพร้าว เกลือ ใส่ภาชนะปากกว้าง เช่น ชามอ่าง ใช้น้ำ 3 เท่า ต้มให้เดือด แล้วเอามาชงในชามอ่างที่ใส่ส่วนผสมไว้ ใช้ไม้พายหรือทัพพีคนให้ทั่ว ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วเอาไปโม่ (การเอาน้ำร้อนชงก่อน จะช่วยรักษาแป้งไว้ได้นาน คือ ทำเช้าไปจนถึงบ่ายแป้งก็ไม่เปรี้ยว ไม่อย่างนั้นจะบูด และถ้าเราใช้ภาชนะปากแคบทรงสูง ข้าวก็จะสุกมากเกินไป เพราะความร้อนจะกระจายได้น้อย)

หลังจากนั้นก็หันมาทำกะทิสำหรับหยอดหน้า โดยเอาหัวกะทิ น้ำตาลทราย และเกลือ มาผสมเข้าด้วยกัน คนให้น้ำตาลและเกลือละลาย ยกขึ้นตั้งไฟ พอเดือด จึงยกลง (อย่าเคี่ยว กะทิจะแตกมันมาก)

เคล็ดลับความอร่อย

วิธีหยอด
ตั้งเตาเอาน้ำมันพืชเช็ดให้ทั่ว เริ่มหยอดหลุมกลางก่อนเพียงหลุมเดียว หยอดตัวแป้ง หยอดหน้ากะทิ ปิดฝา แล้วมาหยอดแถวที่ 2 ปิดฝา แล้วมาหยอดรอบนอก เสร็จแล้วปิดฝา เราก็เปิดหลุมแรก แล้วเปิดแถวที่ 2 แคะออก แล้วมาเปิดรอบนอก จะสุกพอดีกันเลย

เวลาหยอดเสร็จแล้ว ต้องปิดฝาทันที ไฟต้องแรง แต่ถ้าใช้เตาดิน ก็แรงมากไม่ได้ เดี๋ยวเตาจะแตก ถ้าใช้กระทะเหล็กก็จะสะดวก แต่หอมสู้กระทะดินไม่ได้ ก็ต้องใจเย็น เวลาหยอดหน้าก็ต้องระวัง ถ้าช้าไปก็จะไหม้ และกะทิจะแตกมัน

ขนมครกแบบโบราณ จะนิยมทานกับหน้าต่าง ๆ ที่นิยมทำคือ หน้าไข่เค็ม หน้าหัวผักกาดเค็ม และหน้ากุ้งคะ

วิธีทำหน้าไข่เค็ม เริ่มจาก นำไข่เค็มต้มสุกมาแกะเปลือกออก เวลาแกะเปลือกไข่เค็ม อย่ากะเทาะไข่ทั่วทั้งฟองเหมือนกับไข่ต้มธรรมดา ๆ นะคะ ต้องกะเทาะเพียงที่เดียว แล้วค่อย ๆ แกะไปเรื่อย ๆ จนทั่วทั้งฟอง อันนี้ต้องใจเย็นกันหน่อยคะ พอได้ไข่เค็มที่ปอกเปลือกเสร็จแล้ว ก็นำไปขูดให้เป็นเส้นฝอย ๆ ระวังอย่าให้ไข่ที่ขูดแล้วกองทับกันมากเกินไป มันจะติดเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำไข่เค็มที่ขูดเสร็จนี้ไปโรยหน้าขนมครกเมื่อจะแคะขึ้น วางพริกชี้ฟ้าหั่นฝอย และ ผักชีเด็ดใบ

วิธีทำหน้าหัวผักกาดเค็ม ใช้หัวผักกาดเค็มนำมาสับให้ละเอียด ผสมรากผักชี กระเทียม พริกไทยป่น แล้วนำไปผัดกับน้ำมันนิดหน่อย

วิธีทำหน้ากุ้ง ใช้กุ้งสด มะพร้าวทึนทึกในปริมาณที่เท่ากัน สับให้ละเอียด แล้วรวนด้วยน้ำมัน โรยพริกไทย เกลือป่น ให้ออกรสเค็มนิด ๆ ใช้โรยหน้าขนมครก แต่งด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย พริกเหลืองซอย ใบผักชีเด็ดเป็นใบ ๆ


อย่าลืมมาอุดหนุนขนมครกนะ

1 ความคิดเห็น:

patt wara กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ วีธีทำแบบโบราณ ที่ยังใช้การโม่แป้งอยู่นะคะ